การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างนวัตกรรมที่เป็นชุดกิจกรรมในการดูแลสุขภาพตนเองด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต
ของผู้สูงอายุ และเพื่อประเมินประสิทธิผลของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น วิธีดำเนินการวิจัย มี2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการ
สร้างนวัตกรรม บนฐานแนวคิดของหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกับทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เป็นแนวคิดการปรับพฤติกรรม
ทางปัญญา ส่วนระยะที่ 2 เป็นการประเมินประสิทธิผลของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่
60 - 79 ปีจำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ชุดกิจกรรมจำนวน 7 กิจกรรม ซึ่งผ่านการหาคุณภาพ
ความเที่ยงตรงเชิงพินิจ นอกจากนี้แบบวัดความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเอง และแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อ
นวัตกรรม ซึ่งแบบวัดทั้ง 2 ชุด ผ่านการหาคุณภาพความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า นวัตกรรมที่เป็นชุดกิจกรรม
การดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิต จำนวน 7 กิจกรรมดังกล่าว มีประสิทธิผลทำให้ผู้สูงอายุ
จำนวนมากกว่าร้อยละ 80 มีความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเองในประเด็นต่าง ๆ ผ่านเกณฑ์ในระดับดีและผู้สูงอายุมี
ความพึงพอใจต่อนวัตกรรมอยู่ในระดับมาก
The objective of study was to develop a set of innovative physical and mental self-care
activities for the elderly and to assess their effectiveness. It was carried out in two phases. The
first phase was creation of innovative activities based on Buddhist principle and psychological
theory in cognitive behavioral modification. The second phase was an assessment of effectiveness
of those activities. The sample consisted of 32 elderly persons aged between 60 to 79 years. The
research instrument was a set of seven innovative activities, all of which had gone through face
validity for their quality testing. In addition, the two measures; self-care activity, and satisfaction
toward innovative activities, had also reached their quality testing through content validity. The
research brought about of innovative physical and mental self-care activities for the elderly,
effectively enabling over 80% to take care of themselves in various areas at a good level, and
the elderly were very satisfied with them