Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/22284
ชื่อเรื่อง: ชุดไพรเมอร์ (primer) และตัวตรวจจับสำเร็จรูป (DNA probe) วิธีการตรวจสารพันธุกรรม และ ชุดตรวจสารพันธุกรรมสำหรับตรวจหาเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) ด้วยปฏิกิริยาการสังเคราะห์ดีเอ็นเอแบบห่วง หรือ แลมป์ (loop-mediated isothermal amplification หรือ LAMP) ผนวกกับแผ่นตรวจวัดแบบแถบสี (Dipstick) โดยใช้โดยใช้ยีนฟอสโฟไลเพส ซี (Phospholipase C หรือ plcB) ในการออกแบบชุดไพรเมอร์ (primer) และตัวตรวจจับสำเร็จรูป (DNA probe)
Assignee: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
Inventors: สมชาย สันติวัฒนกุล
สุพัตรา อารีกิจ
ทายาท ศรียาภัย
ธงชัย แก้วพินิจ
พิชาภัค สมยูรทรัพย์
ศิริรัตน์ วชิรเลอพันธุ์
Keywords: สิทธิบัตร
วันที่เผยแพร่: 2563
สำนักพิมพ์: กรมทรัพย์สินทางปัญญา
Abstract(TH): การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับชุดไพรเมอร์ (primer) และตัวตรวจจับสำเร็จรูป (DNA probe)สำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไชโตจิเนส (,Listeria monocytogenes) ด้วยปฏิกิริยาการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมด้วยอุณหภูมิระนาบเดียวจากการชักนำของไพรเมอร์ให้เกิดการสังเคราะห์ดีเอ็นเอแบบห่วงหรือ แลมป์ (loop mediated isothermal amplification หรือ LAMP) ผนวกกับแผ่นตรวจวัดแบบแถบสี(Dipstick) ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาเทคนิคแลมปี หรือ LAMP โดยการออกแบบไพรเมอร์และตัวตรวจจับสำเร็จรูปสำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไชโตจิเนส (Listeria monocytogenes) 4 เส้น จากลำดับเบสในส่วนของยีนฟอสโฟไลเพส ซี หรือ Phospholipase C ที่จำเพาะต่อเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส(.Listeria monocytogenes) ซึ่งไพรเมอร์ตัวหนึ่งจะติดฉลากด้วยสารไบโอทิน (biotin) ในระบบนี้ดีเอ็นเอเป้าหมายจะถูกเพิ่มปริมาณภายใต้อุณหภูมิ 63 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเติมตัวตรวจจับ (probe) ที่ออกแบบอย่างจำเพาะต่อผลผลิตจากแลมป์ หรือ LAMP เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ในกล่องให้ความร้อน (heating block) ต่อจากนั้นดูดสารละลายที่ได้นี้ใส่ลงไปในหลอดที่มีสารละลายบัฟเฟอร์ แล้วจุ่มแผ่นลิปสติก หรือ Dipstick ลงไปในสารละลาย รอเวลา 5-10 นาที แล้วอ่านผลการตรวจ ------------ ------17/07/2561------(OCR) หน้าที่ 1 ของจำนวน 1 หน้า บทสรุปการประดิษฐ์ การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับชุดไพรเมอร์ (primer) และตัวตรวจจับสำเร็จรูป (DNA probe)สำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) ด้วยปฏิกิริยาการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมด้วยอุณหภูมิระนาบเดียวจากการชักนำของไพรเมอร์ให้เกิดการสังเคราะห์ดีเอ็นเอแบบห่วงหรือ แลมป์ (loop mediated isothermal amplification หรือ LAMP) ผนวกกับแผ่นตรวจวัดแบบแถบสี(Dipstick) ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาเทคนิคแลมป์ หรือ LAMP โดยการออกแบบไพรเมอร์และตัวตรวจจับสำเร็จรูปสำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) 4 เส้น จากลำดับเบสในส่วนของยีนฟอสโฟไลเพส ซี หรือ Phospholipase C ที่จำเพาะต่อเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส(Listeria monocytogenes) ซึ่งไพรเมอร์ตัวหนึ่งจะติดฉลากด้วยสารไบโอทิน (biotin) ในระบบนี้ดีเอ็นเอเป้าหมายจะถูกเพิ่มปริมาณภายใต้อุณหภูมิ 63 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเดิมตัวตรวจจับ (probe) ที่ออกแบบอย่างจำเพาะต่อผลผลิตจากแลมป์ หรือ LAMP เป็นเวลาในช่วง 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาทีในกล่องให้ความร้อน (heating block) ต่อจากนั้นดูดสารละลายที่ได้นี้ใส่ลงไปในหลอดที่มีสารละลายบัฟเฟอร์ แล้วจุ่มแผ่นดิปสติก หรือ Dipstick ลงไปในสารละลาย รอเวลาในช่วง 5 ถึง 10 นาที แล้วอ่านผลการตรวจ ------------ ------20/10/2560------(OCR) หน้าที่ 1 ของจำนวน 1 หน้า บทสรุปการประดิษฐ์ การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับชุดไพรเมอร์ (primer) และตัวตรวจจับสำเร็จรูป (DNA probe) สำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) ด้วยปฏิกิริยาการเพิ่มปริมาณสาร พันธุกรรมด้วยอุณหภูมิระนาบเดียวจากการชักนำของไพรเมอร์ให้เกิดการสังเคราะห์ดีเอ็นเอแบบห่วง หรือ แลมป์ (loop mediated isothermal amplification หรือ LAMP) ผนวกกับแผ่นตรวจวัดแบบแถบสี (Dipstick) ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาเทคนิคแลมป์ หรือ LAMP โดยการออกแบบไพรเมอร์และตัวตรวจจับ สำเร็จรูปสำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) 4 เส้น จากลำดับเบส ในส่วนของยีนฟอสโฟไลเพส ซี หรือ Phospholipase C ที่จำเพาะต่อเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) ซึ่งไพรเมอร์ตัวหนึ่งจะติดฉลากด้วยสารไบโอทิน (biotin) ในระบบนี้ดีเอ็นเอ เป้าหมายจะถูกเพิ่มปริมาณภายใต้อุณหภูมิ 63 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเติมตัวตรวจจับ (probe) ที่ ออกแบบอย่างจำเพาะต่อผลผลิตจากแลมป์ หรือ LAMP เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ในกล่อง ให้ความร้อน (heating block) ต่อจากนั้นดูดสารละลายที่ได้นี้ใส่ลงไปในหลอดที่มีสารละลายบัฟเฟอร์ แล้วจุ่มแผ่นดิปสติก หรือ Dipstick ลงไปในสารละลาย รอเวลาประมาณ 5-10 นาที แล้วอ่านผลการ ตรวจ ------------ การประดิษฐ์นี้เกี่ยวข้องกับชุดไพรเมอร์ (primer) และตัวตรวจจับสำเร็จรูป (DNA probe) สำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) ด้วยปฏิกิริยาการเพิ่มปริมาณสาร พันธุกรรมด้วยอุณหภูมิระนาบเดียวจากการชักนำของไพรเมอร์ให้เกิดการสังเคราะห์ดีเอ็นเอแบบห่วง หรือ แลมป์ (loop mediated isothermal amplification หรือ LAMP) ผนวกกับแผ่นตรวจวัดแบบแถบสี (Dipstick) ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาเทคนิคแลมป์ หรือ LAMP โดยการออกแบบไพรเมอร์และตัวตรวจจับ สำเร็จรูปสำหรับตรวจเชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) 4 เส้น จากลำดับเบส ในส่วนของยีนฟอสโฟไลเพส ซี หรือ Phospholipase C ที่จำเพาะต่อเชื้อลิสทีเนีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes) ซึ่งไพรเมอร์ตัวหนึ่งจะติดฉลากด้วยสารไบโอทิน (biotin) ในระบบนี้ดีเอ็นเอ เป้าหมายจะถูกเพิ่มปริมาณภายใต้อุฯหภูมิประมาณ 63 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเติมตัวตรวจจับ (probe) ที่ออกแบบอย่างจำเพาะต่อผลผลิตจากแลมป์ หรือ LAMP เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ในกล่องให้ความร้อน (heating block) ต่อจากนั้นดูดสารละลายที่ได้นี้ใส่ลงไปในหลอดที่มีสารละลาย บัฟเฟอร์ แล้วจุ่มแแผ่นดิปสติก หรือ Dipstick ลงไปในสารละลาย รอเวลาประมาณ 5-10 นาที แล้วอ่าน ผลการตรวจ
URI: https://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/22284
Appears in Collections:Patents

Files in This Item:
File SizeFormat 
patent1601004756.pdf1.78 MBPDFView/Open


Items in SWU repository are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.