DSpace Collection: รายงานการวิจัยรายงานการวิจัยhttps://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/3102024-03-29T11:11:42Z2024-03-29T11:11:42Zการสร้างเมืองแห่งความเท่าเทียมและทั่วถึงเพื่อผู้สูงอายุในเมืองจารุวรรณ ขำเพชรhttps://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/279002023-02-15T03:09:01Z2563-01-01T00:00:00ZTitle: การสร้างเมืองแห่งความเท่าเทียมและทั่วถึงเพื่อผู้สูงอายุในเมือง
Authors: จารุวรรณ ขำเพชร
Abstract: Thailand has fully entered the aging society since 2016, with 16.5% of the elderly and
the advancement in medical science making the population live longer than ever. However,
the deteriorating physical condition and changing society affect the lives of the elderly as well.
The study of creating a city of equality and thoroughness for the elderly in the city has the
objectives of studying the urban lifestyle of the elderly and to find a model and guidelines
that are suitable for a comprehensive consideration of Thailand's urban areas. The study area
is the urban area in the Khlong Toey community, lock no. 19-22. The study method is to
collect document information on history, background, area coexistence and socioeconomic
information, and data from field visits participatory observation, in-depth interviews with 6
elderly persons.
The results show that the elderly in the Khlong Toey community in lock no. 19-22 is a
legend of the slum community in Thailand. Khlong Toei was established in the year 1943 by
expropriating land in Khlong Toei and Bangchak sub-districts for use in maritime transport and
later upgraded to the Port of Thailand. The elderly in the Khlong Toey community in lock no.
19-22 lives the life of the elderly in urban areas on the flats in their rooms. They rarely
participate in public activities. The relationship between the elderly and the outside areas is
extremely loose; besides going to a doctor's appointment, they are infrequently seen outside
the community. There is no technological innovation to facilitate their lives. The elderly have
demanded the development of urban areas so that their standard of living can be raised to
the same level as others. Arranging for the elderly to come down to relax by creating a
pedestrian crossing using intelligent technology and a residence with the right environment
will surely fulfill the elderly’s desire.
Description: งบประมาณเงินรายได้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปี 25632563-01-01T00:00:00Zรายงานฉบับสมบูรณ์ ภูมิทัศน์ชาติพันธุ์ แผนที่ชุมชนชาติพันธุ์ในกรุงเทพมหานครจารุวรรณ ขำเพชรhttps://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/221712022-08-04T02:06:15Z2561-01-01T00:00:00ZTitle: รายงานฉบับสมบูรณ์ ภูมิทัศน์ชาติพันธุ์ แผนที่ชุมชนชาติพันธุ์ในกรุงเทพมหานคร
Authors: จารุวรรณ ขำเพชร
Abstract: การศึกษาเรื่อง ภูมิทัศน์ชาติพันธุ์ แผนที่ชุมชนชาติพันธ์ในกรุงเทพมหานครนี้ ได้กำหนดวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ที่ปรากฏในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
และจัดทำแผนที่กลุ่มชาติพันธุ์ โดยวิธีการศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ การค้นคว้าเอกสารทางประวัติศาสตร์ หนังสือ ตำราพงศาวดาร และบันทึกของชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี การแบ่งระยะเวลา
ช่วงในการศึกษา เป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1) สมัยพระนารายณ์มหาราช ลงมาถึงการเสียกรุงศรีอยุธยา 2) สมัยพระเจ้กรุงธนบุรี เมื่อเริ่มตั้งกรุงธนบุรี จนกระทั่งสิ้นสุดยุคกรุงธนบุรี 3) สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ รัชกาลที่ 1-3
ผลการศึกษา พบว่าในช่วงกรุงศรีอยุธยามีชาวต่างชาติ ตะวันตก ชาวญี่ปุ่น ชาวจีน เดินทางมาค้าขายและเป็นทหารรับจ้าง จนตั้งชุมชนในกรุงศรีอยุธยาหลายแห่ง
สมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องมาถึงกรุงธนบุรี ที่การสงครามกับพม่ายังไม่สิ้นสุด จึงมีทหารรับจ้างหลายชาติเข้ามาช่วยรบ ดังเช่น โปรตุเกส หรือ มักกะสัน รวมทั้งชาวตะวันออก ที่ถูกกวาดต้อนมายังจากภัยสงคราม
ทั้งลาว มอญ ยวน กลุ่มชาติพันธุ์ ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครจะตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำ และลำคลองที่มีการขุดคลองลัดและคลองย่อยเข้าไปในผืนดิน เพื่อเปิดพื้นที่ทำการเพาะปลูก
เลี้ยงกำลังพลและไพร่ฟ้าราษฎร
Description: ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร2561-01-01T00:00:00Zการศึกษานโยบายที่เหมาะสมเพื่อลดภาระและเพิ่มศักยภาพของกรมคุมประพฤติ จากคดีความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราจารุวรรณ ขำเพชรอดิศร เสมแย้มพงษ์ศักดิ์ ขำเพชรhttps://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/193412022-08-04T02:06:14Z2562-01-01T00:00:00ZTitle: การศึกษานโยบายที่เหมาะสมเพื่อลดภาระและเพิ่มศักยภาพของกรมคุมประพฤติ จากคดีความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา
Authors: จารุวรรณ ขำเพชร; อดิศร เสมแย้ม; พงษ์ศักดิ์ ขำเพชร
Abstract: การศึกษาเรื่อง การศึกษานโยบายที่เหมาะสมเพื่อลดภาระและเพิ่มศักยภาพของกรมคุมประพฤติจากคดี
ความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางที่เหมาะสมของกรมคุมประพฤติในการคุม
ประพฤติและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้กระทำผิดกรณีดื่มแล้วขับ และเพื่อจัดทำแนวทางการดำเนินการและ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคุมประพฤติ โดยมีวิธีการศึกษาจากข้อมูลเอกสาร
(Documentary research) การเก็บข้อมูลภาคสนาม (Field research) ข้อมูลเอกสารจากวรรณกรรม งานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด การดื่มสุราขณะขับรถและกฎหมายการลงโทษที่เกี่ยวข้อง
ลักษณะงานของกรมคุมประพฤติ การเก็บข้อมูลภาคสนามโดยลงพื้นที่ในสำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 2
สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี และสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดน่าน โดยการสัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่ ผู้ถูกคุมประพฤติ อาสาสมัครคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติทุกแห่งทำงานตามกฎหมายที่กำหนดเพื่อ
ลดภาระกระบวนการยุติธรรมในการนำผู้ต้องหาเข้าสู่เรือนจำ แต่ลักษณะเฉพาะในพื้นที่จังหวัดน่านที่มีแนวทางปฎิบัติ
ที่ดี (Best practice) ในการดำเนินการกับผู้ถูกคุมประพฤติเชิงองค์รวม โดยร่วมกับโรงพยาบาลจังหวัดน่าน ตรวจ
สุขภาพผู้ถูกคุมประพฤติเพื่อกำกับและรักษาโรคที่จะเกิดจากการดื่มสุราและนำไปสู่อุบัติเหตุเมื่อขับขี่ยานพาหนะ
ผลการศึกษา พบว่า กรมคุมประพฤติมีบทบาทในการควบคุม สอดส่องและพินิจผู้กระทำความผิดให้
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างความตระหนักและไม่กลับไปกระทำความผิดซ้าอีก ทั้งนี้กรมคุมประพฤติมีภารกิจสำคัญ
ในการแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนศาลมีคำพิพากษา รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ หรือกำหนดเงื่อนไขในการคุม
ประพฤติ ควบคุมกำกับให้ผู้ถูกคุมประพฤติที่ถูกศาลสั่งให้คุมประพฤติต้องถือปฎิบัติอย่างเคร่งครัด และภาระกิจใน
การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด จากกรณีความผิดขับรถขณะเมาสุรานั้นพบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุของประเทศไทยมี
จำนวนสูงมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และสถิติประการหนึ่งเกิดจากการขับรถขณะเมาสุรา ข้อเสนอสำหรับกรมคุม
ประพฤติเพื่อลดภาระคือการจัดการเชิงระบบโดยปรับเปลี่ยนวิธีคิดไม่ให้มีการจัดการแบบแยกส่วนที่เป็นการลดทอน
ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยกำหนด ไม่ว่าในเรื่องการบังคับใช้ (Enforcement) การจัดการวิศวกรรมบนท้องถนน
(Engineering) การให้การศึกษา (Education) พฤติกรรมผู้ขับขี่ (Road User Approach) โดยพิจารณาร่วมกับการดื่ม
สุราแล้วขับของประเทศญี่ปุ่นที่สามารถดำเนินการและลดจำนวนอุบัติเหตุได้และข้อเสนอเชิงนโยบายคือ การปรับแก้
กฎหมายในกระบวนการยุติธรรม การปฎิบัติตามกรอบทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนที่ประกอบด้วย 5 เสาหลัก
ข้อเสนอนโยบายทางสังคมคือการปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่มีจำนวนอุบัติเหตุสูงสุด
การใช้การสื่อสารทางสังคมผ่านกระบวนการการตลาดเพื่อสังคม (social marketing campaign)และการทำงาน
ลักษณะภาคีเครือข่าย ปรับรูปแบบเพิ่มบทบาทของอาสาสมัครคุมประพฤติ หรือทำงานเชิงรุกดังโรงพยาบาลน่านที่
เข้าถึงกลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติและเหยื่อของผู้ถูกคุมประพฤติจากกรณีเมาแล้วขับ ทั้งนี้ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อกรมคุม
ประพฤติ คือการติดตั้งระบบเทคโนโลยีติดตามตัว (GPS) การเพิ่มความหลากหลายในการลงโทษทั้งผู้ขายสุรา ผู้ดื่มและ
ผู้ขับที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ การจัดทำแคมเปญระดับชาติอย่างต่อเนื่อง และการทำงานเชิงบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ
เพื่อลดภาระของกรมคุมประพฤติโดยให้กรมเป็นตัวกลาง (counselor) คัดกรองผู้กระทำความผิด และมีกระบวนการ
ชุมชนเพื่อสร้างความเข้มแข็งระดับฐานราก
Description: ได้รับทุนสนับสนุนโดย โครงการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย (มนป.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)2562-01-01T00:00:00Zการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเชิงประยุกต์ในการส่งเสริมการจัดสวัสดิการชุมชน กรณีศึกษาอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีไพรัช บวรสมพงษ์https://ir.swu.ac.th/jspui/handle/123456789/157702022-08-04T02:06:14Z2555-01-01T00:00:00ZTitle: การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเชิงประยุกต์ในการส่งเสริมการจัดสวัสดิการชุมชน กรณีศึกษาอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
Authors: ไพรัช บวรสมพงษ์2555-01-01T00:00:00Z